สัปดาห์นี้พบกับสถาปนิกสาวนักคิดนักวิจัย คุณนุ้ย - บุตรีญา รวมธรรมรักษ์ผู้ร่วมก่อตั้ง Site-Specific : Architecture & Research บริษัทออกแบบซึ่งเป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับนานาชาติจากผลงาน “บ้านสะเทินน้ำสะเทินบก” (Amphibious Home) บ้านต้นแบบแห่งแรกในเมืองไทย ซึ่งร่วมมือกับศูนย์วิจัยและพัฒนาการก่อสร้าง การเคหะแห่งชาติ ในการวิจัยและพัฒนาบ้านที่สามารถอยู่อาศัยได้ทั้งยามปกติและในภาวะน้ำท่วม และโปรเจค “บ้านกรองน้ำสำหรับลำคลองในกรุงเทพฯ” (Filter Floating House) ซึ่งได้รางวัล ARCASIA Travel Price 2016 จากสภาสถาปนิกแห่งเอเชีย (ARCASIA) และยังเป็นหนึ่งในบริษัททีมออกแบบและติดตั้ง Thailand Pavilion ในนามของสมาคมสถาปนิกสยามและกระทรวงวัฒนธรรม ที่งานนิทรรศการสถาปัตยกรรมนานาชาติ หรือ Venice Biennale 2018 อีกด้วย
ลักษณะการทำงานของเราจะเป็น Research-based ค่ะ สิ่งที่ทำให้ Site-Specific เป็นที่รู้จักหรือถูกพูดถึง น่าจะเป็นเรื่อง Sustainability Design หรืองานออกแบบที่คำนึงถึงระบบนิเวศน์ สิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนของธรรมชาติ ซึ่งมีเป้าหมายในการออกแบบที่พยายามจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุดค่ะ อย่างช่วงที่น้ำท่วมใหญ่ปี 54 เราก็ลองนั่งคิดเล่นๆ ว่าเราอยากจะออกแบบบ้านที่สามารถอยู่ได้ทั้งในภาวะที่น้ำท่วมและน้ำลด ก็ทำการศึกษาวิจัยแล้วทำบ้านตัวอย่างขึ้นมาสัดส่วน 1:1 ใส่เฟอร์นิเจอร์ แล้วสามารถเข้าไปอยู่จริงได้เลย อยู่ที่จังหวัดอยุธยาค่ะ และจากโปรเจคนี้เราก็ต่อยอดเป็นงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งซึ่งส่งเข้าประกวดและคว้ารางวัลระดับเอเชียมาก็คือ Filter Floating House ค่ะ
จริงๆ ที่ Site-Specific เราก็รับงานหลายอยางนะคะ ทั้งงาน Art Installation งานออกแบบตกแต่งและรีโนเวทบ้าน ตึกแถว แกลเลอรี่ โรงงาน โรงเรียน รวมทั้งงานในเชิงสังคม คือ เราพยายามสร้างความสมดุลระหว่าง “การทำอาชีพเพื่อหารายได้” และ “การช่วยเหลือสังคม” ซึ่งเป็นมุมมองที่เริ่มต้นมาจาก คุณชุตยาเวศ สินธุพันธุ์ ผู้ก่อตั้งบริษัทนี้ ซึ่งมีวิสัยทัศน์ในด้านการออกแบบและอยากช่วยเหลือเพื่อนร่วมสังคมโดยไม่ได้ใช้เงินเป็นตัวนำ แต่คือการนำความรู้ความสามารถที่เราชำนาญ ช่วยเหลือสังคมและมนุษยชาติผ่านงานออกแบบ ซึ่งนุ้ยว่าก็เป็นสิ่งที่จะทำให้สังคมเราอบอุ่นและน่าอยู่
ในแง่ของการออกแบบบ้าน เรามีความสนใจและศึกษาแนวความคิดทางสถาปัตยกรรมต่างๆ จากทั่วโลก แต่จะมีการนำมาปรับใช้ให้เข้ากับบริบทแบบไทย โดยคำนึงถึงทิศทางการวางตัวอาคาร ลม แสง รวมทั้งในแง่ของวัสดุ คือ เน้นวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับลูกค้าด้วยค่ะ โดยครึ่งหนึ่งของลูกค้าของเราเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งเขาก็จะค่อนข้างให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ สมมุติถ้าต้องเลือกระหว่างพื้นไม้กับพื้นกระเบื้องลายไม้ อันนี้ถ้าไม่ได้พูดถึงอารมณ์ที่ได้จากการเลือกใช้วัสดุซึ่งมันให้ต่างกันอยู่แล้ว แต่เราพูดในแง่ของความเป็นวัสดุ ซึ่ง “ไม้” เป็นวัสดุที่สามารถปลูกทดแทนได้ ขณะที่พื้นกระเบื้องต้องเกิดจากการระเบิดภูเขาแล้วไปผ่านกระบวนการที่ทำลายสิ่งแวดล้อมอีกมากมาย บางโครงการเราพยายามออกแบบอาคารให้ใช้เครื่องปรับอากาศน้อยที่สุด โดยจะออกแบบอาคารแบบ Passive Design คือ ออกแบบให้เหมาะสมกับภูมิอากาศ คำนึงถึงทิศทางการวางอาคารและช่องเปิดต่างๆ ลดการใช้พลังงานที่จะกระทบกับธรรมชาติให้มากที่สุด ซึ่งเทรนด์เรื่องของวัสดุที่มีความยั่งยืน (Sustainability) นี้เป็นสิ่งที่คนเริ่มสนใจและตระหนักมากขึ้นในช่วงสิบปีที่ผ่านมาและจะยังมีความสำคัญมากขึ้นในอนาคต
ที่ Site-Specific เรามองว่า “การออกแบบ” ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมหรืองานออกแบบสเกลไหนก็สามารถมีบทบาทในเชิงสังคม และก่อให้เกิดการสร้างสรรค์วิถีชีวิตของผู้คนแบบใหม่ๆ ผ่านงานออกแบบได้ ซึ่งถ้างานออกแบบของเราสามารถสื่อสารกับผู้คนได้ อย่างน้อยแค่ให้เขาได้ฉุกคิดหรือไปคิดต่อ อันนี้เราก็ถือว่าเป็นกำไรแล้วค่ะ
ห้องนี้มีความหลากหลายของรูปแบบ คือ มี Mood ของความเป็นผู้หญิงที่วอลเปเปอร์ดูอ่อนหวาน แต่ขณะเดียวกันก็ดูมีความดุดันบาอย่าง มีขนสัตวร์ดู Exotic นิดๆ ซึ่งมันแสดงออกถึงหลายๆ แง่มุมของผู้หญิงได้น่าสนใจดีค่ะ ในส่วนของวอลเปเปอร์ด้านหลัง พื้นที่ค่อนข้างขนาดใหญ่ ก็จะ Impact กับคนที่เห็นและคนที่ใช้งาน ถ้าเราลองเปลี่ยนไปเป็นวิวภูเขาที่ดู Abstract หน่อยๆ ก็อาจจะช่วยเปลี่ยนอารมณ์ห้องไปได้ คือเป็นอะไรที่เราเล่นสนุกกับห้องนี้ได้
นุ้ยชอบมุมนี้ในเรื่องการผสมของสีค่ะ คือการใช้สี Earth Tone และมีการเล่นลวดลายเข้ามาบ้าง แล้วก็มีความมันเงาของโลหะเข้ามาผสมทำให้ห้องดูมีชีวิตชีวาขึ้นอีกนิดนึง ไอเดียจากห้องนี้เป็นเรื่องของการผสมผสานวัสดุค่ะ คือเวลาเราเลือกใช้สี ปกตินุ้ยจะเลือกเอิร์ทโทนเป็นหลัก แล้วค่อยใส่ไฮไลท์เป็นจุดๆ ด้วยของตกแต่ง เช่น หมอนหรือผ้าม่าน ให้ห้องดูสดใสขึ้น ไม่เรียบจนเกินไป