สัปดาห์นี้ ได้รับเกียรติจากกูรูนักออกแบบมืออาชีพ ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์และไอเดียดีๆ เกี่ยวกับการตกแต่งให้กับเรา คุณตุ้ม-ธนวัฒน์ สุขัคคานนท์กรรมการผู้จัดการ บริษัท Interior Visions
“สิ่งหนึ่งที่ทำให้คนรู้จักเราดี คือเราเริ่มต้นมาจากการทำสถาปัตยกรรมภายในมาก่อน ตั้งแต่ปี 2538 ซึ่งภายหลังเรามีงานที่ต้องรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้นในส่วนของสถาปัตยกรรมหลัก เริ่มต้นจากโปรเจคประเภทบ้านพักอาศัยขนาดใหญ่ จึงทำให้เราต้องมีทีมสถาปนิกเพื่อเข้ามาดูแลในส่วนนี้เพิ่มเติม ช่วงแรกๆ ก็จะเป็นการเข้ามาเพื่อสนับสนุนงานตกแต่งภายใน แต่ไปๆ มาๆ ลูกค้าเริ่มชอบเริ่มติดใจก็ทำให้มีงานในส่วนของสถาปัตยกรรมหลักเข้ามาอย่างต่อเนื่องครับ”
ในการทำงาน...เรามีวิธีคิดที่เรียกว่า Inside Out โดยการเอา “คน” เป็นที่ตั้ง คือ คิดจากคนและจากการใช้ชีวิตของเขา ซึ่งการดีไซน์จากภายในสู่ภายนอก จะทำให้เราทราบถึง Size, Space, Function ที่ผู้ใช้งานต้องการได้อย่างชัดเจน แล้วค่อยเอาเรื่องของวิชาการหรือหลักการออกแบบเข้ามาจับหรือมาจัดการ เพื่อที่จะให้เกิดความสมบูรณ์แบบในการอยู่อาศัย แล้วจึงจะนำไปสู่รูปแบบของตัวสถาปัตยกรรมที่เหมาะสม สิ่งที่ผมมุ่งเน้นในการทำงานออกแบบ คือ การที่เราต้องเข้าใจผู้ใช้งานก่อน เพราะมนุษย์มีความต่างทั้งในด้านเพศ วัย ชาติ ศาสนา เช่น ถ้าเราออกแบบ “โรงแรม” เราก็ต้องคิดถึงแขกที่มาพักหรือถ้าเป็น “บ้าน” เราก็ต้องดูว่าเราทำงานให้ใครและเขามีลักษณะการใช้งานอย่างไร ซึ่งถ้าเราเข้าใจตรงนี้อย่างถ่องแท้ ก็จะสามารถทำงานให้ออกมาได้อย่างที่ “งานที่ดีควรจะเป็น”
“ตัวอย่างผลงานล่าสุดที่เพิ่งแล้วเสร็จ ซึ่งสะท้อนถึงกระบวนความคิดและวิธีในการทำงานของเราเป็นอย่างดีก็เช่น โปรเจคโรงแรม Grande Centre Point Pattaya ตั้งอยู่ใจกลางพัทยาเหนือ ในศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 ซึ่งเวลาที่คนนึกถึงเทอร์มินอล 21 เชื่อว่าจะนึกถึง แหล่งช้อปปิ้งหรือการเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าที่มีมุมสวยๆ จากหลายๆ ประเทศให้ถ่ายรูป ส่วนตัวโรงแรมที่อยู่ด้านใน คนที่มาพักก็คงอยากไปเพื่อหาประสบการณ์ของที่พักอาศัยใหม่ๆ เราก็ต้องคิดว่าจะตอบโจทย์นั้นอย่างไร”...เราจึงเริ่มคิดจากพื้นฐานคือ “บริบทของโรงแรม” ซึ่งคนไปพัทยาก็คงไม่ได้มาเพื่อเล่นน้ำทะเลแต่เขามาเพราะต้องการแสงสี ความสนุกสนานและความบันเทิงริมทะเล ฉะนั้นโรงแรมที่เราออกแบบต้องสนุก
แล้วยิ่งบวกกับความเป็นเทอร์มินอล 21 (ซึ่งเป็นห้างฯ ที่มีคาแรคเตอร์ชัดเจน) ด้วยแล้ว มันควรเพิ่มความสนุกและประสบการณ์ดีๆขึ้นไปอีก!! ผมเลยคิดคอนเซ็ปต์ออกมาเป็นเรื่องของ “การพบทะเลแล้วสนุก” เป็นความสนุกอย่างหลากหลายลักษณะ เช่น ล็อบบี้ เราจำลองบรรยากาศของทะเลที่ชายหาดรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย ที่คนนิยมไปดูแพลงตอนชนิดหนึ่งที่เรืองแสงตอนกลางคืน มาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการตกแต่ง โดยเราเลือกใช้แก้วเป่าสี เพื่อให้ได้บรรยากาศของหินกับทะเลและแสงระยิบระยับของแพลงตอน ส่วนตัวเฟอร์นิเจอร์ก็เลือกใช้ดีไซน์ที่มีเส้นคดโค้งให้ความรู้สึกโค้งมลนุ่มนวลกับแขกที่เดินเข้ามาแล้วพบแพลงต้อนเรืองแสงต้อนรับอยู่
ส่วนร้านอาหาร ก็จำลองเหตุการณ์ให้ตื่นเต้นหน่อย ผมนึกถึงตลาดและทะเลที่แคลิฟอร์เนียร์ ที่คนมักไปดูปลาบิน ซึ่งตามธรรมชาติคือปลามันบินเพื่อหนีปลาที่จ้องจะกินมันเมื่ออยู่ใต้น้ำ แต่พอบินขึ้นมาแล้วก็จะเจอนกรอจับกินอยู่ ผมจึงถ่ายทอดธรรมชาติที่น่าสนใจนี้ด้วยการออกแบบแชนเดอร์เลียร์ปลาบินกับตัวเกลียวคลื่น เป็นประติมากรรมไฟที่ดึงดูดให้ความรู้สึกเหมือนเข้าไปในตลาดปลา อันนี้เป็นเรื่อง Mood & Tone แต่จริงๆ ทางกายภาพที่ดีที่เรานึกถึงคือ เรามองว่าที่นี่ “เป็นเหมือนซูเปอร์มาร์เก็ต” ที่เสิร์ฟอาหารจากครัวลงมาในไลน์บุฟเฟ่ ได้เหมือนเดินชมตลาดอาหาร เสริมด้วยผังที่สามารถเติมของจากในครัว (พนักงานไม่ต้องเข็นรถออกมาเติมด้านหน้าร้าน) ฉะนั้น Layout Plan ที่รองรับจึงทำให้เกิดความสมบูรณ์ทั้งแนวคิดและการตกแต่ง”
โซนห้องประชุม เราใช้คอนเซ็ปต์ของ “ปาเลา” ซึ่งเป็นหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพิเศษที่มีแมงกะพรุนสีทอง (ไม่พิษ) ซึ่งเราสามารถดำน้ำไปใต้ทะเลแล้วจับมันได้ ใครไปเที่ยวที่นี่ก็ต้องถ่ายภาพใต้น้ำกับแมงกะพรุน ซึ่งเราก็ได้สร้างบรรยากาศห้องประชุมให้รู้สึกเหมือนอยู่ใต้ทะเล เงยหน้าขึ้นไปแล้วเห็นแมงกะพรุนเต็มเพดาน เราใช้แก้วเป่าให้เป็นสีทองและสีขาว (สีของแมงกะพรุน) เพื่อจำลองเรื่องราวทั้งหมดให้เหมือนเราอยู่ใต้น้ำ ส่วนห้องอาหารบนดาดฟ้า เราใช้แรงบันดาลใจจาก “เดทซี” ซึ่งเป็นทะเลที่เค็มที่สุดในโลก และมีผลึกเกลือที่สามารถมองเห็นได้จากนอกโลก ซึ่งเราก็ตีความผลึกเกลือออกมาเป็นผนังตกแต่งรวมถึงเป็นโดมเพื่อปิดบังในส่วนบันไดหนีไฟให้กลายเป็น Iconic ที่ดึงดูดให้คนไปถ่ายรูปเวลามาเยี่ยมเยียนที่นี่
สุดท้ายคือ ห้องพัก ซึ่งหลังจากไปมา 4 ทะเลทั่วโลกแล้ว เราเลือกที่จะปิดท้ายด้วยดวงดาวระยิบระยับยามค่ำคืน เหมือนเวลาเราไปเที่ยวพัทยา...กลางวันเราเห็นทะเล ฉะนั้นกลางคืนเราก็น่าจะได้เห็นดวงดาวที่สวยงาม คือพอปิดสวิทช์ที่หัวเตียง ก็จะเห็นจักรราศีบนฝ้าเพดานและเห็นดวงดาวระยิบระยับ ถ้าหากยังนอนไม่หลับก็สามารถนอนดูดาวไปก่อนได้ครับ
ในแง่ของวัสดุที่เราเลือกใช้ในงานออกแบบ บางครั้งตัววัสดุก็เป็นตัวกำหนดดีไซน์ แต่บางครั้งมันก็เป็นตัวทำให้ดีไซน์ของเราสมบูรณ์ และต้องดูสวยงามในระยะยาว เราจึงใช้วัสดุอย่าง “แก้ว” ซึ่งสามารถทำรูปแบบ ได้หลากหลาย โดยการนำมาเป่าเป็นรูปทรงต่างๆ จึงกลายเป็นวัสดุหลักในทุกๆ พื้นที่ของโรงแรม ฉะนั้นเรื่อง “วัสดุ” เราสามารถใช้เป็นตัวหลักหรือตัวประกอบก็ได้ในงานดีไซน์ อยู่ที่ว่า “อะไรคือคำตอบที่ดีที่สุด” ในเงื่อนไขที่เราเผชิญ
สิ่งหนึ่งที่เรายึดเป็นหลักในการทำงานเสมอ คือ ผู้บริโภคหรือเจ้าของงาน ฉะนั้นเวลาสร้างสรรค์งาน เราจะไม่พยายามสร้างตัวตนของเรา เพื่อไปเปลี่ยนเขาหรือสร้างอัตลักษณ์บางอย่างที่ “เป็นตัวเราในเขา” ผมหมายถึงงานออกแบบในหลายๆ ลักษณะ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน สำนักงาน โรงแรม ศูนย์การค้า เพราะทุกธุรกิจย่อมมีปรัชญาในการทำงานของเขา ผมต้องเข้าใจปรัชญานั้นมากกว่าที่จะต้องเข้าใจว่า เพราะฟังก์ชั่นของคุณเป็นอย่างนี้ แล้วก็ออกแบบตามฟังก์ชั่นนั้นโดยใส่ Signature ของเราลงไป...อันนั้น ไม่ใช่ Interior Visions เราไม่คิดอย่างนั้นแน่นอน
ส่วนตัวเป็นคนชอบทำกับข้าวครับ ก็อยากได้ครัวใหญ่และใช้งานได้ดีคล่องตัว ก็เลยชอบมุมนี้ เพราะเขาสามารถรวบฟังก์ชั่นของการทำอาหารและทานอาหารไว้ด้วยกัน แม้จะมี Island แต่ก็ไม่ได้อิสระจากกันจนเกินไป เพราะมีพื้นที่บางส่วนที่เชื่อมต่อกันอยู่ แล้วก็ชอบโทนสีด้วยครับ ดูอบอุ่น ผมว่าครัวที่ Practical ต้องมีฟังก์ชั่นครบและไม่ใช้พื้นที่มาก อันนี้คือเสน่ห์
ส่วนห้องนี้ ชอบเพราะความรู้สึกของ “วัสดุ” และ “น้ำหนักของสี” ที่ดูหรูหราแต่เงียบขรึม น่าจะเป็นอะไรที่เหมาะกับงานที่เราต้องการให้มีความนิ่งๆ เรียบๆ และอยู่ได้นาน อย่างห้องลักษณะอย่างนี้น่าจะเหมาะกับหลายๆ คนที่ต้องการดีไซน์ที่ดูโก้และเข้ายุคสมัย เพราะแค่เปลี่ยนองค์ประกอบดีไซน์บางอย่าง ก็สามารถทำให้เสน่ห์ของห้องนี้เพิ่มมากขึ้นได้